วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ข้อเสนอ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560
















เหตุ ของวังวน การเมืองไทย และสังคมไทย ยังอยู่ที่เดิม   
พท.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี  11 มีค 63

สาเหตุ ของปัญหาบ้านเมือง                

   จากการที่ได้ติดตามความเป็นไปของบ้านเมืองและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
 ซึ่งเป็นวงจรเลวร้ายมาทุกสมัยกว่า ๙๐  ปี     มาจากสี่สาเหตุหลักคือ

          ๑ การได้มาซึ่งตัวแทนสส สว นักการเมืองท้องถิ่น ได้คนที่มีอำนาจ อิทธิพล ทั้งทางการเมอืงและอำนาจ เงินตรา  เนื่องจากที่ ผ่านมาทั้ง กกต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ออกกฎหมายเพื่อให้เกิดช่องว่าง ให้ตรวจสอบ ที่มาของบัตรลงคะแนนไม่ได้ เช่นการไม่ให้ ทำเครื่องหมายใด การห้ามถ่ายภาพบั ตรเลือกตั้ง ซึ่งยังผลให้เกิด บัตรผี ยกหีบ สับหีบมาตลอดเวลา แต่ยังไม่ได้แก้ไข   และเอื้อประโยชน์ ผู้มีเงินมาก มีอิทธิพลในพื้นที่ได้เข้าสู่อำนาจมากกว่า คนดีๆ แต่ยากจน  โดยผ่านสื่อต่างๆ 

           ในประเทศญี่ปุ่นให้เขียนชื่อผู้รับสมัครด้วยลายมือของคนเลือกตั้ง  สิงคโปร์ให้ ลงหมาย เลขบัตร ประชาชน ในบัตรเลือกตั้งดังนั้นจึงโกงไม่ได้   และสามารถตรวจสอบความโปร่งใส ได้
           พม่า ให้เขียนชื่อคนที่จะ ลงคะแนนให้  จะโกงยากขึ้น  

             ๒  การที่สื่อมวลชน ระบบการศึกษา  ไม่ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องเรื่องประชาธิปไตย   การปลุกฝัง ความรักชาติ ซึ่งจริงๆแล้วในรัฐธรรมนูญหรือ ณ เวลาปัจจุบัน คสช สามารถสั่งการได้ทันที   

            ๓  องค์กรตรวจสอบไม่ทำหน้าที่อย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ตรงไปตรงมา แต่ทำหน้าที่ตาม กระแสเป็นหลัก   และไม่เที่ยงธรรม    รับใช้ฝ่ายการเมืองฟากรัฐบาล และนายทุน  ข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่    



ข้อเสนอ แก้ไขรัฐธรรมนูญ  ปี 2560   
 11 มีค 63
สาเหตุ ของปัญหาบ้านเมือง                   จากการที่ได้ติดตามความเป็นไปของบ้านเมืองและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นวงจรเลวร้ายมาทุกสมัยกว่า ๘๕ ปี     มาจากสี่สาเหตุหลักคือ
       ๑ การได้มาซึ่งตัวแทนสส สว ได้คนที่มีอำนาจ อิทธิพล ทั้งทางการเมอืงและอำนาจ เงินตรา  เนื่องจากที่ ผ่านมาทั้ง กกต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ออกกฎหมายเพื่อให้เกิดช่องว่าง ให้ตรวจสอบ ที่มาของบัตรลงคะแนนไม่ได้ เช่นการไม่ให้ ทำเครื่องหมายใด การห้ามถ่ายภาพบั ตรเลือกตั้ง ซึ่งยังผลให้เกิด บัตรผี ยกหีบ สับหีบมาตลอดเวลา แต่ยังไม่ได้แก้ไข   และเอื้อประโยชน์ ผู้มีเงินมาก มีอิทธิพลในพื้นที่ได้เข้าสู่อำนาจมากกว่า คนดีๆ แต่ยากจน  โดยใช้ผ่านสื่อต่างๆ 
           ในประเทศญี่ปุ่นให้เขียนชื่อผู้รับสมัครด้วยลายมือของคนเลือกตั้ง  สิงคโปร์ให้ ลงหมาย เลขบัตร ประชาชน ในบัตรเลือกตั้งดังนั้นจึงโกงไม่ได้   และสามารถตรวจสอบความโปร่งใส ได้ 
             ๒  การที่สื่อมวลชน ระบบการศึกษา  ไม่ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องเรื่องประชาธิปไตย   การปลุกฝัง ความรักชาติ ซึ่งจริงๆแล้วในรัฐธรรมนูญหรือ ณ เวลาปัจจุบัน คสช สามารถสั่งการได้ทันที   
            ๓  องค์กรตรวจสอบไม่ทำหน้าที่อย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ตรงไปตรงมา แต่ทำหน้าที่ตาม กระแสเป็นหลัก   และไม่เที่ยงธรรม    รับใช้ฝ่ายการเมืองฟากรัฐบาล และนายทุน  ข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่    
         เนื่องจากที่มาขององค์กรตรวจสอบไม่ยึดโยงคุณสมบัติที่ดีของตัวแทนองค์กรตรวจสอบ   ซึ่งไม่ได้กำหนดในร่างรัฐธรรมนูญ ปี 60   เช่นกำหนดให้มีการดูผลงานในอดีต คุณงามความดี   แต่ในรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันกำหนดให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่ม คุณที่มีสมบัติเดิมๆ  เป็นผู้เลือก  เช่นตัวแทนศาล อธิการ โดยขาดซึ่ง การกำหนดคุณสมบัติ  และขาดการตรวจสอบคุณสมบัติที่ ดีสำหรับบุคคลเหล่านี้ ในการทำหน้าที่จากสังคม  จึงได้แต่พวกใครพวกมัน  ทำให้ปัญหาการ คอรัปชั่นวนเวียน เพิ่มมากขึ้นเนื่องจาก  การไม่ทำหน้าที่ อย่างตรงไปตรงมา    ซึ่งตัวแทนการคัดเลือกเหล่านี้ก็ยังคงบรรจุในรัฐธรรมนูญ
      ๔  ระบบการศึกษา     ยังคงมีการเขียนในร่างรัฐธรรมนูญแบบชนิดบังคับให้เด็กเรียนทุกวิชาไม่ได้  เขียนกว้างๆ แต่เขียนเป็นแนวนโยบายปฏิบัติในรัฐธรรมนูญ     แต่ไม่เขียนว่าต้องจัดการศึกษาตามหลักการ ทางการแพทย์ หลักพัฒนาการเด็ก ตามวัยและตามศักยภาพ และไม่เขียนเรื่องการปลูกฝังประชาธิปไตย ที่ถูกต้อง การปลูกฝังความ รักชาติ เสียสละ  (หรือว่าเกรงว่าคนรักชาติมากๆ คนรู้เรื่องประชาธิปไตยมากๆ จะปกครองหรือโกงกินยากขึ้น)

          ตัวอย่างรัฐธรรมนูญที่คิดว่าน่าจะสร้างปัญหา  และไม่แก้ปัญหาการคอรัปชั่น  ประเทศชาติไม่พัฒนา   (ตัวหนาและขีดเส้น ภาคประชาชนขอเพิ่มเติมจากเดิม )  ได้แก่  

  ก   ประเด็นการฟ้องร้องต่อศาล  ยังติดกับดักเรื่องประชาชนฟ้องร้องได้   แต่ทั้งนี้แล้ว แต่กฎหมาย บัญญัติ    (หมายความยังมีช่องว่าให้ยกฟ้อง โดยอ้างคำว่าไม่ใช่ผู้เสีย(โดยตรง) 
  ตามกฎหมายอาญามาตรา 28(2)  และ กฎหมายศาล ปกครอง มาตรา 42  เช่นตัวอย่างคดีที่ ถูกยกฟ้อง เรื่องท่อก๊าซ เรื่องน้ำมัน ไฟฟ้าแพง เรื่องการโกง เลือกตั้ง  เรื่องมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ  คนทำผิดเลยลอยนวล 
     ปัญหาในอดีตที่ผ่านมาประชาชนได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐหลายคดี  แต่คนที่ทำผิดต่อ กฎหมายหลักนิติธรรม    กลับพ้นโทษเพราะวลีคำว่า  “ไม่ใช่ผู้เสียหาย(โดยตรง)”   ซึ่งจากรัฐ ธรรมนูญเดิมปี  50    มาตรา  60   71 ก็เขียนไว้ว่า
          มาตรา60  บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วน ท้องถิ่น หรือองค์กรอื่น ของรัฐที่เป็นนิติบุคคลให้รับผิดเนื่องจากการกระทำ หรือการละเว้นการกระทำของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ของหน่วยงานนั้น   
           มาตรา 71   บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติและปฏิบัติ ตามกฎหมาย 
ประชาชนสามารถหยิบปัญหาที่เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดต่อประชาชนมาฟ้องได้  เมื่อฟ้องไปศาล กลับพบว่า มีการตัดสินคดีว่าประชาชนไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายม.28(2)   เช่น เรื่องที่ประชาชน ฟ้อง ว่าปตท. กระทรวงพลังงานฉ้อโกงประชาชนในราคา ก๊าซ  น้ำมันจากการ ตั้งรักาคาค่าก๊าซน้ำมัน ที่ไม่ใช่มี อยู่จริง  ในคดีที่อ.1618/2556หรือคดีที่ฟ้องร้องคิด ดอกเบี้ยเงินกู้ เงินฝากเอื้ออประโยชน์กลุ่มทุนธนาคาร   ก็ถูกศาลยกฟ้องด้วย
          วลี”ไม่ใช่ผู้เสียหาย”   หรือฟ้องว่าระบบแอดมิชชั่น  สอบเข้ามหาวิทยาลัยสนร้างภาระแก่ เยาวชนไทย ไม่เกิดประโยชน์ แต่สร้างความเสียหาย  ศาลอาญาก็ยกฟ้อง
            หรือฟ้องศาลปกครองว่าการคืนท่อก๊าซไม่ครบถ้วน   ศาลปกครองก็ยกฟ้องด้วยวลี   “ไม่ใช่ผู้เสียหาย” ตามพรบ.ศาลปกครองม.๔๒ และแจ้งว่าผู้เสียหายคือ  ก.คลัง    ซึ่งมีรัฐมนตรี พวกเดียวกัน  ใครจะนำมาฟ้อง (การที่มีบางคนอ้างว่าถ้าไม่เขียนอย่างนี้  คดีจะรกศาล ขอถามกลับแบบ สามัญสำนึก ว่า  ปุถุชนธรรมดาถ้าไม่รักชาติ    รักความเป็นธรรมไม่มีใครอยากฟ้องเพื่อหาเรื่องใส่ตัว เพราะเสี่ยงต่อการ ฟ้องกลับ  เสียเวลา เสียมันสมอง)
           แต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด  กฎหมายใดจะขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้  ซึ่งประมวลกฎหมายอาญาม.๒๘(๒)พรบ.วิ.ปกครอง  ม.๔๒   เป็นกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญย่อมบังคับใช้ไม่ได้   แต่ปรากฏว่า ศาลทั้งสองศาลก็ยังยึดกฎหมายลูก แทนการยึดรัฐธรรมนูญ  และไม่ผิดกฎหมาย    
            มารัฐธรรมนูญฉบับบนี้  ก็เขียนเปิดช่องให้ศาลอาญา  ศาลปกครอง  สามารถใช้คำว่า”ผู้เสียหาย” เพื่อเอื้อให้นักการเมือง   และสามารถพ้นจากความผิด  ทำผิดต่อไป ได้อีก
ตามร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้โดยเขียนว่า   “ให้ประชาชนฟ้องศาลได้ทั้งนี้ตามกฎหมายบัญญัติ” ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา  จนเกิดการ ประท้วงและปฏิวัติกว่า   20 ครั้ง   ที่เป็นปัญหามา 80 ปี   แทนที่จะแก้กฎหมายลูกคือพรบ ศาลปกครอง และศาลอาญา  แต่กลับแก้ไข กฎหมายแม่คือ รัฐธรรมนูญให้สอดคล้อง กับกฎหมายลูก งงไหมประเทศไทย ร้องศาลรัฐธรรมนูญไปก็เงียบ เพราะผู้คัดเลือกศาลรัฐธรรมนูญ คือศาล  และอธิการ  เหมือนที่จะเกิด ขึ้น ณ ปัจจุบัน 


 ข.  มาตรา(๓/๒/๕-๑)๓  คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา  (๓/๒/๕-๑)๒(๒)  
ประกอบด้วยกรรมการประเภทต่างๆดังต่อไปนี้
(๑)ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสี่คน  ซึ่งเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสองคน  และเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดสองคน    รวมมาจากตุลาการ  ๔ คน 
(๒)ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสามคน  ซึ่งเลือกโดยพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองฝ่ายรัฐบาลหนึ่งคน  และเลือกโดยพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองฝ่ายค้านสองคน    มาจากการเมือง รวม ๓ คน 
(๓)ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่งคนซึ่งเลือกโดยคณะรัฐมนตรี  การเมือง อีก ๑ คน 
(๔)ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคนซึ่งเลือกโดยอธิการบดีในสถาบันอุดมศึกษา    อธิการบดี ๒คน   ( อธิการบดี ผู้ชอบ ม.นอกระบบ การบริหารงบประมาณที่ตรวจสอบยาก   และระบบแอดมิชชั่นที่ทำลายศักยภาพเด็กไทย แต่ส่งเสริมการกวดวิชาเต็มที่    สมควรที่จะยกย่องให้ทำหน้าที่นี้หรือไม่ )
(๕)ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคนซึ่งเลือกโดยสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ (ซึ่งสมัชชาคุณธรรม ก็ได้มาจาก ศาล อธิการ และ  พ่อค้า สมาคมธนาคาร สภาอุตสาหกรรม หอการค้า  ไม่มีส่วนของภาคประชาชนในการเลือกตำแหน่งสำคัญๆ ที่มีบทบาทต่อความเป็นไปของบ้านเมือง   การคอรัปชั่น ตัดขาดจากภาคประชาชน  ควรมาจากสมัชชาพลเมือง    และประชาชนร่วมตรวจสอบคุณสมบัติ  

ข้อเสนอจากประชาชน  กรรมการสรรหา และคณะกรรมการการเลือกตั้งมาจาก
- การรับสมัครจากบุคคลทั่วไป
- กำหนดคุณสมบัติและเสนอวิสัยทัศน์
- ประวัติ  ผลงาน พฤติกรรม  ในอดีตย้อนหลังไป ๑๐ ปี   โดยให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ ส่งข้อมูล อย่างน้อย๓๐ วัน และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง
หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสรรหาตามวรรคหนึ่ง  ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ค .  เช่นเดียวกัน   การคัดเลือกปปช ศาลรัฐธรรมนูญ และอายุของปปช การถอดถอน ปปช   ศาลรัฐธรรมนูญ   ไม่ควรกำหนดเวลามากถึง ๙ปี เพราะหากไม่มี ประสิทธิภาพ จะเกิด ความเสียหายของบ้านเมือง ยาวนาน และควรกำหนดให้มีการประเมิน ผลงานทุกสองปี ควรกำหนดเวลาในการทำคดี เช่นต้องเสร็จใน ๑-๒ปี ทุกคดี 
ง   หมวด  ๒ การตรวจสอบการใช้อำนาจส่วนที่ ๑ บททั่วไป
มาตรา(๓/๒/๑)๑การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐต้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย  สุจริตและปราศจากการขัด 
กับแห่งผลปะโยชน์  และต้องกระทำโดยกระบวนการที่โปร่งใส และตรวจสอบได้  ต้องยกเลิกกฎหมายที่มีผลประโยชน์ หมดทุกฉบับ ทุกมาตรา  เช่น พรบ. ปปช. ม ๑๐๒     พรบ.กำหนดคุณสมบัติพนักงานรัฐวิสาหกิจ ม ๕(๙,๑๐)      


 จ .    มาตรา(๓/๒/๒)๓ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหาร หรือจัดการใดๆ เกี่ยวกับ หุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทตามวรรคหนึ่งมิได้
ควรกำหนดตำแหน่งอื่นๆด้วย C๗-๑๑  อธิบดี  ปลัด  อธิการบดี  ผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ เพราะคนเหล่านี้ก้สร้างปัญหาให้ชาติ จนปัจจุบัน 


ฉ. มาตรา ๘  ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนให้เป็นพลเมืองดี  มีความรู้  ความสามารถ  โดยยึดหลัก ดังต่อไปนี้
 (๖)พัฒนาระบบการเรียนรู้โดยเน้นกระบวนการคิด  การใช้เหตุผลและการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ  รวมถึงส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้  และสื่อสาธารณะด้านการศึกษา ส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี  ควบคู่ กับการศึกษาด้านศิลปะ  วัฒนธรรม  ภาษา  ศาสนา   และพลเมืองศึกษา  เพื่อบ่มเพาะจิตสำนึก  ความเป็นพลเมืองที่ดี  มีคุณธรรม จริยธรรม   และธรรมาภิบาลของคนไทยทุกระดับ   
 และ (๙)ปรับระบบการทดสอบและประเมินผลการศึกษา  ให้เป็นการทดสอบการเรียนรู้  ความถนัด  และคุณลักษณะผู้เรียนที่ครบทุกมิติเพื่อพัฒนาผู้เรียน    

        ทั้งสองข้อนี้เกรงว่าจะบังคับเด็กให้เรียนทุกวิชา ทุกระดับ ควรเขียนว่าให้จัดการศึกษา ให้สอดคล้อง กับบริบทของเศรษฐกิจ สังคม    ให้พัฒนาเด็กตามวัย และตามศักยภาพ ตามหลักการทางการแพทย์ หลักพหุปัญญา         (   Multiple Intelligences คือความฉลาดมีหลากหลายไม่ใช่เก่งเฉพาะด้านวิชาการเท่านั้น  )   ไม่งั้นการศึกษาไทย ยิ่งถอยหลังลงคลอง  ตอนนี้ก็แย่เกือบที่สุดในเอเซียเพราะหลักคิดผิด ที่ให้เด็กต้องเรียนรู้ทุกวิชาซ้ำซากจน ถึงมัธยมปลาย    พิสูจน็ได้ไม่ยาก หลังจากปี ๒๕๔๘ นายอดิสัย โพธารามิค ได้ประกาศให้เด้กเรียนทุกวิชา  และอธิการบดีทั้งหลายประกาศใช้ระบบแอดมิชชั่น ในปี ๒๕๔๙ คือเอาคะแนน ทุกวิชาเข้ามหาวิทยาลัย  จนผลสอบ ONET ตกต่ำหลังจากนั้น ต่ำมาตลอด ยังไม่แก้ไข      
ช. มาตรา  ๑๓๔  ก่อนเข้ารับหน้าที่  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ ประชุมแห่งสภา ที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
“ข้าพเจ้า(ชื่อผู้ปฏิญาณ)ขอปฏิญาณว่า  ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ตามความเห็นของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ  ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  ยึดมั่นในจริยธรรม  เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน  ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”   ขอให้เขียนในรัฐธรรมนูญ ว่า สส สว ข้าราชากรทุกคน ทุกหน่วย พนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องสาบานตนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นวัดพระแก้ว ศาลหลักเมือง หากบริหารราชการแผ่นดิน แล้วคิดโกงบ้านโกงเมือง ขอให้มีอันเป็นไป 
 


สรุปจุดอ่อนร่างรัฐธรรมนูญใหม่
-       ให้ตัวแทนคนเดิมๆ เลือกตั้งแทนองค์กรอิสระ  คงได้กลุ่มคนเดิมๆ ปัญหาก็ยังคงเดิมๆ
-       การเลือกตั้งยังไม่สามารถป้องกันการโกงคะแนน แล้วในที่สุดเราจะได้คนโกงเข้าสู่อำนาจ   ตรวจสอบไม่ได้ การเลือกตั้งไม่ได้  ไม่กำหนดคุณสมบัติที่ดีของตัวแทน สส สว ผู้นำการเมือง
-       ประชาชนไม่มีสิทธิในการฟ้องร้องโดยตรงเพราะติดข้อกฎหมายลูก
 -      การศึกษาไม่ถึงเป้าหมาย  เพราะบังคับให้เด็กเรียนถูกวัดมิติ  และพัฒนาทุกมิติ  แปลว่าต้องเรียนทุกวิชา  เป็น การถ่วงศักยภาพเด็ก  การไม่กำหนดเรื่องการปลูกฝังความรักชาติ  ในการจัดการศึกษา
-       ไม่มีการประเมินการใช้งบประมาณ
-       ไม่กำหนดให้สื่อทุกสื่อสร้างกระแสความรักชาติ   เสียสละ   และความรู้ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง 
 ทำให้คนนำไปใช้ แสวงหาประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง
-      เรื่องความโปร่งใสตรวจสอบได้ของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ 
-   เรื่องการแก้ไข กฎหมาย หรือกำหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือรัฐธรรมนูญ ควรให้ประชาชนสามารถยื่น เสนอแก้ไขได้ โดยมีรานชื่อไม่ตำกว่า 2๐,๐๐๐ ชื่อ   (กฎหมายทั่วไป 1๐,๐๐๐ ชื่อ ) และต้องมีกรรมาธิการจากภาค ประชาชน อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และต้องทำให้เสร็จใน 6-12 เดือน 

              ข้อ ๑ สิทธิในการฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ ในมาตรา ๔๑  เขียนไว้ว่า ประชาชนสามารถ ฟ้องหน่วยงานรัฐได้ แต่ ให้เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ และมาตรา ๖๐ ห้ามประชาชนฟ้อง ในนโยบายของรัฐ 
             ซึ่งปัจจุบัน เราจะพบว่าประชาชนฟ้องหน่วยงานรัฐ  หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ยากมากๆ เนื่องจาก มีการยกฟ้อง คดีของประชาชนบ่อยๆ เช่นเรื่องของมูลนิธิฯ ไปฟ้องเรื่องท่อแก๊ส ต่อศาลปกครอง ก็บอกว่า ไม่ใช่ผู้เสียหาย หรือ ประชาชนไปฟ้องเรื่องน้ำมันแพง ก๊าซแพง เพราะมีการกระทำทุจริต ศาลอาญาก็ยกฟ้อง ว่าประชาชนไม่ใช่ผู้เสียหาย ซึ่งการมีมาตรานี้จะทำให้ประชาชนฟ้อง เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานรัฐได้ยากมาก 
               ดังนั้นควรจะบัญญัติไว้ว่าประชาชนสามารถมีสิทธิฟ้องหน่วยงานรัฐได้ กฎหมายใดที่ ขัดแย้ง  ขอให้แก้ไขกฎหมายนั้นภายใน ๑๘๐ วัน เช่นกฎหมายศาลปกครองมาตรา ๔๒ หรือกฎหมายอาญามาตรา ๒๘  ที่เขียนไว้ว่าผู้ฟ้องคดีจะต้องเป็นผู้เสียหาย และ ให้กำหนดใน รัฐธรรมนูญ ว่าประชาชนเป็น ผู้เสียหายตามกฏหมายได้และรัฐต้องอำนวยความสะดวก ในการดำเนินการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ  

               เปรียบเทียบรัฐธรรมนูญของปี ๒๕๕๐
               มาตรา ๖๐  บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล ให้รับผิดเนื่องจากการกระทำหรือการละเว้น การกระทำของ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานนั้น  ควรเติมว่าประชาชนสามารถเป็นผู้เสียตามกฎหมายได้  หรือให้แก้ไขกฎหมาย อื่นๆที่ขัดรฐธรรมูญมาตรา นี้  

                  ข้อ ๒  มาตรา ๖๒  เรื่องความสัมพันธ์ และกติกาสากลระหว่างประเทศไม่ได้บัญญัติไว้ชัดเจน เหมือนกับมาตรา ๘๒ ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๕๐  
                   เปรียบเทียบรัฐธรรมนูญของปี ๒๕๕๐ มาตรา ๘๒  รัฐต้องส่งเสริมสัมพันธไมตรีและความร่วมมือกับ นานาประเทศ และพึงถือหลักในการปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาค ตลอดจนต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน ที่ประเทศไทยเป็นภาคี  รวมทั้งตามพันธกรณีที่ได้กระทำไว้กับนานาประเทศและองค์การ ระหว่างประเทศ
               ข้อ๓ มาตรา ๖๖ การมีส่วนร่วมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติ  ซึ่งในของ ฉบับคุณมีชัยไม่เขียนไว้ชัดเจน ว่าสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วม ในการได้ประโยชน์ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดิน 
รัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ ด้านสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติ  
มาตรา ๖๖  บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชน ชุมชนท้องถิ่น หรือชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม  ย่อมมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม อย่างสมดุลและยั่งยืน
มาตรา ๖๗  สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการ อนุรักษ์ บำรุงรักษา และการได้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติและ ความหลากหลาย ทางชีวภาพ    
มาตรา ๘๕  รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้  
(๔) จัดให้มีแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นอย่างเป็นระบบและ เกิดประโยชน์ ต่อส่วนรวมทั้งต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสงวน บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุล 
สิทธิในการมีส่วนร่วม   
มาตรา ๘๗รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ดังต่อไปนี้
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมือง การวางแผน พัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะ
(๓)ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ 
สิทธิในการตรวจสอบ
 มาตรา ๗๘  รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการบริหารราชการ แผ่นดิน ดังต่อไปนี้
(๕) จัดระบบงานราชการและงานของรัฐอย่างอื่น เพื่อให้การจัดทำและการให้บริการสาธารณะ เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน 
                   ข้อ ๔  มาตรา ๗๑ ของคุณมีชัยในเรื่องของ รัฐวิสาหกิจไม่ปรากฎว่ารัฐต้องถือหุ้น มากกว่า ๕๑% ซึ่งต่าง จากปี๒๕๕๐ มาตรา ๘๔(๑๑)ที่บัญญัติไว้ชัดเจนเรื่องสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ รัฐจะต้องเป็นเจ้าของมากกว่า ๕๑% 
                  รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐มาตรา ๘๔  รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ ดังต่อไปนี้
                 (๑๑) การดำเนินการใดที่เป็นเหตุให้โครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ของรัฐ  อันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน หรือ เพื่อความมั่นคงของรัฐตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน  หรือทำให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่า ร้อยละห้าสิบเอ็ด จะกระทำมิได้
                    ข้อ ๕ มาตรา ๙๒(๓) เรื่องของสส.ต้องเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งประชาชน คนไทย ก็ทราบดีว่าพรรคการ เมืองส่วนใหญ่ตั้งขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ ในทุนมากกว่า ผลประโยชน์ ของประชาชน ดังนั้นถ้าเอาสส.สังกัด พรรคก็เท่ากับสส.จะทำหน้าที่ เพื่อทุนหรือเพื่อประชาชน ข้อนี้ควรจะต้องแก้ไข 
                   ข้อ ๖ ในมาตรา ๑๗๘ เป็นข้อสำคัญเรื่องการมีพันธสัญญาระหว่างประเทศ หรือการ เกี่ยวข้องกับ ดินแดน  หนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมหรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่าง กว้างขวางต้องได้รับความเห็นชอบ ของรัฐสภา ในการนี้รัฐสภา ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐วันนับแต่วันที่ได้รับ เรื่องหากรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน กำหนดเวลา ดังกล่าวให้ถือว่ารัฐสภาได้ ให้ความเห็นชอบ
            มาตรานี้เป็นมาตราที่สุ่มเสี่ยงมากต่อการสูญเสียดิน แดนของประเทศโดยเฉพาะพื้นที่ ทับซ้อน ระหว่างไทยกัมพูชาซึ่งมีแหล่งปิโตรเลียมมหาศาล ซึ่งในรัฐธรรมนูนฉบับปี๕๘ ก็เขียนไว้ว่าความมั่นคง เศรษฐกิจ ทางด้านเศรษฐกิจให้รวมถึงการให้สัมปทานในแหล่ง ต่างๆด้วยซึ่งในมาตรา ๑๗๓ ของปี ๕๙ นี้มันทำให้เกิดความเสียหาย 
            ต่างจากรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐  มาตรา ๑๙๐ ที่เขียนไว้ชัดเจนในเรื่องของหนังสือสัญญา ใดที่มีบท เปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งจะต้องได้รับความ เห็นชอบของรัฐสภาและก่อนที่จะให้ความเห็นชอบของรัฐสภาจะ ต้องให้รัฐมนตรีให้ข้อมูล และจัดให้มีความการรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชน และก่อนที่จะมีเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของ หนังสือสัญญานั้น   
รัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ 
มาตรา ๑๙๐  พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ
หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ  หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไป ตามหนังสือสัญญา  หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพัน ด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ อย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา  ในการนี้ รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องดังกล่าว
ก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศตามวรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับ หนังสือสัญญานั้น  ในการนี้ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบด้วย 
เมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว  ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรี ต้องให้ ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น  และในกรณีที่การปฏิบัติตามหนังสือ สัญญาดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการ แก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม
ให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ  รวมทั้งการแก้ไข หรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป
ในกรณีที่มีปัญหาตาม วรรคสอง ให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาด โดยให้นำบท บัญญัติตามมาตรา ๑๕๔ (๑) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม
  ข้อ ๗ การขัดกันแห่งผลประโยชน์  มาตรา ๑๗๙ +  มาตรา ๑๘๒+ พบว่า มีการระบุ ห้าม นักการเมือง ทำนั่นนี่ แต่ไม่ห้ามข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนอื่นๆ เช่นองค์กรอิสระ ศาล รัฐวิสาหกิจ ทำให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐอื่น มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างถูกกฎหมาย  ดังที่ปรากฎในปัจจุบัน 
 ข้อ ๘. สำคัญที่สุด คือเรื่องของการแต่งตั้งองค์กรอิสระโดยเฉพาะตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญ  ซึ่งบัญญัติว่า ให้มาจากศาลฎีกา ๓  คน ศาลปกครองสูงสุด ๒ คนผู้นักวิชาการ ทางด้านนิติศาสตร์ ๑ คน  รัฐศาสตร์ ๑ คนผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๒ คน ซึ่งจะเห็นว่า สัดส่วนของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในการกำหนด วิกฤตและชี้เป็นชี้ตายของประเทศ มาจากองค์กร ตุลาการเป็นส่วนใหญ่ และนักวิชาการ ไม่มีภาคส่วนของของประชาชนใดใดเลยทั้งสิ้น
ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตชาติบ้านเมืองการที่มอบหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้คัดเลือกคัดสรรแต่งตั้ง คนที่จะ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้มีอำนาจอื่นๆ ก็จะเป็นกลุ่มคนเดิมๆก็จะเป็นปัญหา วงจร ที่ไม่รู้จบสิ้น  เนื่องจากปัญหา วิกฤติของบ้านเมืองมาจากเหตุปัจจัย  ดังนี้คือ
 ข้อ ๘.๑ การที่ไม่ได้คนดีเข้าสู่อำนาจนั้นคือ การเลือกตั้งของเราเป็นการเลือกตั้งที่ได้ คนไม่ดีหรือ ได้คนที่อยู่ภายใต้กลุ่มทุนมากกว่าที่จะทำเพื่อประโยชน์ประชาชนด้วย เกณฑ์การเลือกตั้งที่มีช่องว่าง ให้เกิดการโกงคะแนน หรือการซื้อสิทธิ์ขายเสียง  โดยยังไม่มีหลักเกณฑ์ใดใด มาป้องกันหรือแก้ไข อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
  ข้อ ๘.๒ การที่มีการคอรัปชั่นมากมายมโหฬารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เนื่องจากองค์กร ตุลาการ กระบวน การยุติธรรม องค์การตรวจสอบ ปปช อัยการหรือองค์กรอิสระอื่นๆ ทำหน้าที่ยังไม่เต็ม ประสิทธิภาพ มีการเลือกปฏิบัติ ล่าช้า หลีกเลี่ยง แต่ไม่เกิดบทลงโทษแต่ประการใด และก็ตัวแทนที่มาขององค์กรเหล่านั้นก็ยังเป็นปัญหาอยู่ในกลุ่มอำนาจเดิมๆเกี่ยวโยงกันไปมา แต่ไม่สามารถคัดสรรที่คนที่เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญ  ตรงไปตรงมา แต่คัดสรรมาจากกลุ่มตนเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าราชการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งสูงสูง 
   ข้อ ๙. สำคัญยิ่งมาตรา ๑๙๘ การสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ มีคนกลุ่มเดิมๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญก็จะมีประธานศาลฎีกา ๑ ประธานสภา ๑ ประธานศาล ปกครอง ๑ ตัวแทน องค์กรอิสระองค์กรละ ๑ คน ซึ่งก็เป็นงูกินหาง เพราะเลือกกันไปเลือก กันมาก็ อยู่ในวงจร เดิมๆปัญหาเก่าๆ ที่สะสมมานาน ๘๐ กว่าปี ก็ไม่สามารถ แก้ไขได้  ควรให้ภาคส่วนของสังคม ประชาสังคม ร่วมกัน ตรวจสอบนำเสนอรายชื่อ เช่นมีประชาชนนำเสนอ ๕,๐๐๐ ชื่อ 
                 ข้อ  ๑๐. มาตรา ๒๒๒ การกระทำความผิดเลือกตั้งให้ตัดสิทธิ ๑๐ ปี  ขอเสนอว่า ให้ตัดสิทธิตลอดชีวิต และ จำคุก ๕ ปีไม่รอลงอาญา และชดใช้การเลือกตั้งทั้งหมด ให้ยาแรงๆ จะได้ไม่กล้าโกงเลือกตั้งหรือซื้อสิทธิขายเสียง 
            ข้อ ๑๑.  มาตราต่อไปคือมาตรา ๒๕๓ การแก้ไขกฎหมายรัฐรรมนูญ  ประชาชนไม่ สามารถ ที่ จะนำเสนอแก้ไขได้ โดยจะต้องเป็นนักการเมืองเท่านั้นที่แก้ไข รัฐธรรมนูญและ ยังไม่เห็นมีมาตราใดที่ นำเสนอร่างกฏหมาย หรือแก้ไขกฎหมายโดยภาคประชาชน ดังนั้นการสิทธิของประชาชน จะน้อยลงในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
           ข้อ ๑๒. เมื่อเกิดวิกฤติชาติ ให้ประชาชนรวม ๕๐๐,๐๐๐ คน เป็นผู้ปลดนายกฯ ได้ ประชาชน ๑๐๐,๐๐๐ คน สามารถปลดตัวแทนองค์กรอิสระ โดยตรวจสอบให้เสร็จภายใน๙๐วัน 
          ข้อ ๑๓ สว ต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยเทียบสัดส่วนตามประชากร การเลือกโดยกลุ่ม บุคคลโดยให้ องค์กร ชุมชนเป็นหลัก อาจจะมีปํญหา เพราะภายในองค์กชุมชนเองก็ยังไม่ชัดเจน และไม่ครอบคลุมประชาชน
           ทั้งหมดนี้ จึงขอเสนอสู่คณะกรรมาธิการการยกร่างรฐธรรมนูญ  เพื่อพิจารณานำส่วนดี ของรัฐธรรมนูญแต่ละ ฉบับ หรือข้อเสนอที่มีเหตุและผลมาปรับแก้ไข อาจจะไม่ครบถ้วนแต่ครอบคลุม การแก้ไขปัญหาชาติในระดับหนึ่ง  เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาชาติ ที่หมักหมมมานาน   ขอขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง 


พท.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี 
       

 เลขาธิการ   เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ 
11 มีค 63 








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น